L.L.K.A.S. (Lieland Li-Kay Association Story ความลับคณะลิเกลวงโลก) ตอน 6
ลิเก สตอรี่ ตอน 6 (Li-Kay Story Episode 6)
ข่าวการตัดสินใจย้ายเที่ยวบินในประเทศ จากอาคารในประเทศของ สนามบิน ดอนไม่เมือง มาที่อาคารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ที่พึ่งออกมานี้ ข้าพเจ้าเชื่อว่า จะต้องทำความไม่พอใจให้ เอดส์ อย่างมาก เพราะว่าถึงแม้เหล่าฝูงชนจะยังอยู่แค่อาคาร 1 และไม่สามารถจะเข้ามาในอาคาร 2 หรือว่าขึ้นมาที่เขต “ชั้น 5” ซึ่งได้ถูกปรับปรุงให้กลายเป็นรังรักใหม่ของเอดส์ และ พลอยแจ๋ง ที่สุดหรู แต่มันก็ย่อมทำให้เอดส์ รู้สึกไม่ค่อยมีความเป็นส่วนตั๊วส่วนตัวซักเท่าไหร่ นับว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เอดส์ อารมณ์บ่จอยเป็นอย่างมาก เพราะว่าถึงช่วงวันเกิดของตัวเองทีนึง แทนที่จะมีอารายให้ชื่นบาน กลับมีปัญหารุมเร้า ไม่ว่าจะเครื่องบินที่ถูกยึด และยังมีการอนุญาติให้เหล่าข้าทาสไพร่ฝุ่นใต้ตีน หรือไม่ก็พวกฝรั่งมังค่าที่ป่าเถื่อนไร้อารยธรรม (ตามความคิดตื้นๆ ของพวกครอบครัวลิเก) หรือไม่ก็พวกอดีตขี้ข้าทาสเมืองขึ้นฝรั่ง เช่นพวกฮ่องกง สิงคโปร์ (ในความคิดตื้นๆ ของสมาชิกครอบครัวลิเกอีกเช่นเคย) ได้มีสิทธิ์เข้ามาในอาคาร 1 ของดอนไม่เมือง สถานที่ ที่เคยปิดตายมานานนับปี ตัวเองอยากมีสิทธิ์จะเดินขึ้นลงทั่วอาคารไปตรงไหนก็ได้
แน่นอนว่า ความคิดดูถูกพวกประเทศที่เป็นอดีตเมืองขึ้นฝรั่งว่าต้อยต่ำ เป็นความคิดที่โง่เขลาเบาปัญญา เพราะว่าเป็นการยึดติดกับอดีตโดยไม่มองความเป็นจริงในปัจจุบัน ในขณะที่ปัจจุบัน ประเทศเหล่านี้เจริญไปถึงไหนต่อไหน และขณะนี้ ก็ไม่มีใครในประเทศเขาที่เป็น ขี้ข้า เป็นทาสต่างชาติอีกแล้ว แต่พวกเขากลับมาจ้างคนตอแหลแลนด์ไปเป็นคนใช้ ไปเป็นขี้ข้าเขาในบ้าน หรือแม้กระทั่งไปเป็น garlee ให้เขาเหย็ดสำเร็จความใคร่ไม่ต่างอะไรกับส้วมสาธารณะที่เขามาทำสรีระสำราญจนหนำใจแล้วโยนเศษเงินให้แล้วก็สะบัดตูดไป ฉนั้น คนตอแหลแลนด์คนไหนที่ยังละเมอกับอดีตความไม่เป็นทาสบ้าบอที่ครอบครัวลิเกมันกรอกหูอยู่ทุกวัน ควรจะหัดหยุดมองแต่อดีตแล้วมามองความจริงในปัจจุบันซะบ้าง ว่าตอนนี้ชาวตอแหลแลนด์ที่ยากจนเพราะบ้านเมืองไร้สวัสดิการ เพราะงบประมาณประเทศโดนดูดเอาไปเลี้ยงครอบครัวลิเก และเหล่าสมุนอำมาตย์หมด ประชาชนเจ้าของประเทศกลับไม่มีเงิน ต้องไปเป็นขี้ข้า เป็นทาส เป็นคนใช้ ในประเทศอดีตขี้ข้าฝรั่งเหล่านี้หรือแม้กระทั่งเป็น garlee ให้ต่างชาติจับเหย็ดเอาตามอำเภอใจมันมีความน่าภูมิใจตรงไหน แล้วเลิกเพ้อเสียที ถามตัวเองเถอะว่ารู้สึกยังไงบ้างที่เวลาเดินทางไปต่างประเทศ คนตอแหลแลนด์ยังต้องขอวีซ่าไปประเทศหลายๆ ประเทศ ขณะที่พวกประเทศอดีตขี้ข้าฝรั่งเหล่านี้จะบินเข้าไปที่ไหนก็เดินเชิดเข้าไปได้ทันทีโดยไม่ต้องกลัวจะโดนส่งกลับ เพราะเจ้าหน้าที่สงสัยว่าจะลอบเข้ามาทำงานผิดกฏหมาย หรือลอบเข้ามาเป็น garlee ขายฮี
แต่ข้าพเจ้าควรจะหยุดบ่นถึงความโง่เง่าของพวกหูหนวกตาบอดที่ถูกล้างสมองกลายเป็นบอท ไม่มีความคิดอะไรเป็นของตัวเอง เอาแต่ภาคภูมิใจกับอดีตหลายร้อยปีก่อนที่มันแตกต่างกับปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง แล้วก็พูดตรรกะเหลวไหลไร้สาระตามแต่พวกอำมาตย์โรงลิเกมันจะพูดกรอกหูให้ฟังเป็นนกแก้วนกขุนทอง เสียที เพราะถ้าให้ข้าพเจ้าเริ่มพูด ลิเกสตอรี่ตอนนี้ คงจะความยาวเพิ่มเป็นหมื่นคำอย่างแน่แท้ เพราะความโง่ของคนเหล่านี้ เอามาเขียนวิจารณ์ 3 วันยังไม่จบ ฉนั้น เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า
ข้าพเจ้าต้องยอมรับว่าข้าพเจ้าคาดผิดไปอีกแล้ว ในฉบับที่แล้ว ที่ข้าพเจ้าทายว่า เอดส์ จะเรียก พลอยแจ๋ง ให้เดินทางมามิวนิก เพื่อถวายงานขึ้นแท่นปัจถรณ์อมรพิมาน เพราะว่าการเหย็ดหนุ่ยนุ้ยอย่างเดียว คนอย่างเอดส์ จะต้องเบื่อหน่ายไม่ช้าก็เร็ว แต่ข้าพเจ้ากลับต้องแปลกใจ ที่ผู้ที่ได้รับคำสั่งให้ตามมาเพื่อถวายงาน กลับเป็น ฮีรัด ผู้ซึ่ง เอดส์ เคยออกคำสั่ง ห้ามมาเหยียบมิวนิก เด็ดขาด หลังจากที่คุณเธอได้สะสมลมปราณลิมิตเบรกขณะนั่งเครื่องบิน 13 ชั่วโมง จากกรุงลิเก มาถึงมิวนิก และพอมาถึง ก็ตรงไปที่เอดส์วิลล่าแล้วปลดปล่อยลมปราณ เพลงตบใส่หนุ่ยนุ้ยจนคุณเธอหน้าแหก แทบต้องเอาถุงก๊อบแก๊บทึบแสง สวมหัว เวลาขึ้นถวายงานเอดส์ เพราะหน้าบวมฉึ่งเหมือนเอาหน้าเข้าไปหมกไว้ในรังมดแดงไฟ 3 วัน 3 คืน การที่ เอดส์ สั่งให้ฮีรัด ตามมาถวายงาน จึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอย่างมาก
แต่หลังจากข้าพเจ้ารู้ถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยให้หนุ่ยนุ้ย ข้าพเจ้าก็ถึงเข้าใจว่าเอดส์ นั้นได้วางแผนล้อมคอก ก่อนเมียหลวงหาย (เพราะลักลอบแอบออกจากคอกไปไล่ตบกิ๊ก) อย่างรัดกุมพอสมควร เพราะว่าเอดส์ นั้น ไม่ได้อนุญาติให้ฮีรัด ไปพักที่ เอดส์วิลล่า แต่ว่าให้ฮีรัด นั้น พักที่โรงแรม แคมปลิ้นสกี้ มิวนิก แอร์พอร์ต และเอดส์เอง ก็อยู่ที่นั่นด้วย พร้อมด้วยมีการจ้างบอดี้การ์ดอีก 10 คน
พูดถึงแคมปลิ้นสกี้นั้น ขออธิบายเพิ่มเติมหน่อย ธุรกิจเครือโรงแรม แคมปลิ้นสกี้ นั้น เป็นธุรกิจหนึ่งของครอบครัวลิเก ซึ่งสำนักทรัพย์สินแห่งโรงลิเกตอแหลแลนด์ (Li-Kay Theatre Property Bureau) ถือหุ้นใหญ่ ถ้าไม่เชื่อ ไปหาข้อมูลในเว็ปไซท์ตลาดหุ้นได้เลย ขณะนี้ มีโรงแรมแล้ว 62 โรงแรม และกำลังจะเปิดใหม่อยู่อีก 43 โรงแรม แต่ละโรงแรมหรูเริดอลังการงานสร้างทั้งนั้น และกลุ่มแคมปลิ้นสกี้ ยังเป็นผู้บริหารโรงแรมอภิมหาโคตรหรู คือ อาม้าขากเสลด พาเลซ ณ อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ของเจ้าครองนครอาบูดาบี อีกด้วย ความหรูของอาม้าขากเสลด พาเลซ หรูขนาดไหน ไปเปิดเน็ตดูรูปได้เลย
สำหรับในตอแหลแลนด์ มีแคมปลิ้นสกี้อยู่ 1 โรงแรมขณะนี้ คือ สยอง แคมปลิ้นสกี้ อยู่กลางกรุงลิเก ตรง สยอง พาราก้อน แต่ก็อาจจะมีการสร้างใหม่อีกในอนาคต แน่นอนการหาทำเลสร้างไม่ใช่เรื่องยาก ที่ดินในประเทศตอแหลแลนด์นั้น นายลวงโลกซื้อตุนเอาไว้เยอะแยะ มาตลอดหลายสิบปี ขนาดที่ว่า จอมพล แป๊ก พิบูลจ๋งคราม กลัวเลยว่านายลวงโลกจะซื้อที่ดินทุกตารางนิ้วของตอแหลแลนด์เป็นของตัวเอง จนต้องออกกฏหมายห้ามให้ประชาชนตอแหลแลนด์คนไหน มีที่ดินเกินเท่าไหร่ๆ เอเคอร์ แบบที่ต่างชาติหลายประเทศเขามีกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ความร่ำรวยมหาศาล กระจุกอยู่ที่เศรษฐีกลุ่มเดียว
แต่แน่นอนว่านายลวงโลกนั้น ชำนาญการพิชัยสงครามแบบซุนวูยังชิดซ้าย เมื่อจอมพล แป๊ก เสนอกฏหมายนี้ให้เซ็น ตอนแรกก็อิดออดไม่เซ็น หนีไปที่วังใกล้กังวล หัวไม่หินเอาดื้อๆ จอมพลแป๊กต้องตามไปถึงวังใกล้กังวล ไปบังคับให้เซ็นโดยขู่ว่า ถ้าไม่เซ็น จะเปิดศาลพิจารณาคดีฆาตกรรมปริศนา (ที่จอมพลแป๊กก็รู้ว่าใครฆ่า เพราะพลตำรวจเอก เผา จี๋ย่านนท์ กระซิบให้ฟัง) ของพี่อ่านั้น ของนายลวงโลกซะใหม่ นายลวงโลกจึงใช้กลยุทธ เสือหมอบ แกล้งทำมารยาสาไถยว่ากลัวจนตัวสั่น ยอมเซ็นซะ ให้จอมพลแป๊กตายใจ
แต่กลยุทธเสือหมอบนั้น เป็นกลยุทธที่เสือแกล้งทำหมอบเป็นแมวเชื่องๆ พออีกฝ่ายนอนใจ ก็จะกระโจนเข้าขย้ำทันที แน่นอนว่าหลังเซ็น นายลวงโลก แอบติดต่อ ปลาสลิด ให้มาหา กระซิบว่า ไอ้แป๊ก บังอาจกำเริบเสิบสาน เอาไว้ไม่ได้ ต้องกำจัด ปลาสลิดไม่รอช้า ยึดอำนาจทันที นายลวงโลกรีบเซ็นให้ปลาสลิดเป็นนายกคนใหม่ จอมพลแป๊กต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่ญี่ปุ่น ไม่ได้กลับตอแหลแลนด์อีกเลย กฏหมายห้ามคนถือที่ดินเกินกี่เอเคอร์ๆ ก็เอามาฉีกทิ้งเป็นกระดาษเช็ดตูดซะ แต่จะมีการส่งต้นฉบับกฏหมายที่เปื้อนขี้แล้วไปเยาะเย้ยจอมพลแป๊ก ให้กระอักเลือดเล่นรึเปล่า ข้าพเจ้าไม่รู้ และไม่ขอสนใจ
เมื่อกำจัดจอมพล แป๊ก ไปได้แล้ว ชีวิตนายลวงโลกก็เหมือนอยู่ในวิมาน สามารถนอนตาหลับไม่ต้องกลัวว่าจะมีเสี้ยนหนามอีกต่อไป เพราะปลาสลิดนั้น ใช้มาตรา 17 ใครที่เป็นอันตรายต่อบัลลังก์ลิเก เตรียมตัวโดนจับยิงเป้าแล้วยึดทรัพย์มาบำรุงฮาเร็มของพี่แกเองได้ นายลวงโลกจึงสามารถซื้อที่ทั่วประเทศตอแหลแลนด์ได้ตามชอบใจโดยไม่ต้องกลัวใครจะมาห้าม ฉนั้น หากว่าอยากจะเปิดแคมปลิ้นสกี้ใหม่ตรงไหน ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีทำเลจะเปิด หรือหากว่าไม่มีทำเลจริงๆ ก็ไม่เป็นไร สั่งเวนคืนซะก็หมดเรื่อง ไม่ต้องกลัวพวกข้าทาสในประเทศจะหือ ศาลทุกศาลในตอแหลแลนด์นายลวงโลกสั่งได้ทั้งนั้น แค่ออกมาพูดจาวกไปวนมาฟังไม่รู้เรื่อง แต่บอกโค้ดลับ 3 คำ แค่นั้นศาลก็เก๊ทแล้ว ใครคิดจะมีเรื่องกับนายลวงโลกในตอแหลแลนด์ ไม่ตาย ก็ต้องหนีออกนอกตอแหลแลนด์ กลับไปไม่ได้ กลับเมื่อไหร่ก็กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์เมื่อนั้น เพราะเน็ตเวิร์กนายลวงโลกนี้ มาเฟียทั้งโลกต้องชิดซ้าย จะพอมีสูสีก็เด็จพ่อคิมแห่งเกาหลีเหนือเท่านั้น เพราะนายลวงโลก มีตั้งแต่ทหาร เครื่องบินรบรุ่นล่าสุด สื่อนรกของอำมาตย์ที่ล้างสมองประชาชน จนถึงประชาชนที่ถูกล้างสมองให้ฆ่าผู้ที่สื่อของอำมาตย์ฟันธงว่าไม่ยอมเป็นทาสไพร่ฝุ่นใต้ตีนของนายลวงโลก ไม่โดนทหารยิงตาย ก็โดนคนคลั่งจับแขวนคอฟาดด้วยเก้าอี้ตาย แถมนายลวงโลกมีอเมริกาเป็นลูกพี่ใหญ่ด้วย ฉนั้น เด็จพ่อคิม ก็ยังสู้นายลวงโลกไม่ได้ ด้วยประการฉะนี้
นอกเรื่องไปยาวอีกแล้ว กลับมาเข้าเรื่องดีกว่า เอาเป็นว่าฮีรัดนั้น ก็ต้องอยู่ที่แคมปลิ้นสกี้ สาขาสนามบิน คำถาม คือทำไมต้องไปอยู่ไกลถึงสนามบิน? เพราะว่าแคมปลิ้นสกี้ กลางเมืองมิวนิก ก็มีให้อยู่
คำตอบ ก็คือ นี่เป็นมาตรการกระชับพื้นที่ ให้ฮีรัดไม่สามารถไปตบหนุ่ยนุ้ยถึงเอดส์วิลล่าได้ง่ายๆ เพราะว่าจะต้องเดินทางไกลมาก กว่าจะถึงสถานที่กบดานของหนุ่ยนุ้ย อนึ่ง เอดส์ ยังมาคุมตัวแจ โดยอยู่ที่โรงแรมเดียวกัน แถมมีบอดี้การ์ดอยู่อีก 10 คน ถ้าจะมีใครออกไปจุ๊กกะดุ๋ยกับ หนุ่ยนุ้ย ได้ ก็มีแต่เอดส์เองน่ะแหละ จะสั่งให้เอารถออกไปเอดส์วิลล่า ส่วนฮีรัดก็ได้แต่ถูกกักบริเวณอยู่ที่สนามบิน ชาร์จพลังลมปราณลิมิตเบรกต่อไป โดยไม่มีโอกาสได้ปลดปล่อย แต่ก็ไม่แน่นะ อาจจะมีวันไหนที่เอดส์เผลอ แล้วฮีรัดสามารถลักลอบหลุดออกจากสนามบิน ไปตบหนุ่ยนุ้ยถึงเอดส์วิลล่าได้ และถ้าวันนั้นมาถึง หนุ่ยนุ้ยเห็นจะหน้าแหกหมอไม่รับเย็บเป็นแน่แท้ เพราะแค่ฮีรัดชาร์จลมปราณลิมิตเบรก 13 ชั่วโมง จากกรุงลิเก ถึงมิวนิก ก่อนปล่อยลิมิตเบรก หนุ่ยนุ้ย ก็หน้าบวมเหมือนโดนมดแดงไฟต่อยทั้งฝูงแล้ว แต่ตอนนี้ฮีรัดชาร์จลิมิตเบรกติดต่อกันนานจนทะลุเกจแล้ว ถ้าหลุดไปได้เมื่อไหร่ ความแรงน่าจะประมาณเฮอริเคนแคทรีน่า หนุ่ยนุ้ยคงจะต้องครวญเพลง “ฆ่าฉันๆ ให้ตายดีกว่า” ขณะโดนฮีรัดจับปิดประตูตบเช็ด อย่างแน่นอน
เอาเป็นว่าเรื่องนี้พอแค่นี้ก่อน มีข่าวงามหน้าจากเยอรมันของคณะเอดส์ เพราะว่าขณะที่ฝ่ายทูต และข้าราชการขี้ข้าในสถานทูตทั้งหลายในเยอรมนี กำลังวิ่งกันหัวปั่น เพราะโดนเอดส์โยนขี้ให้ไปตามล้างตามเช็ด ทวงเครื่องบินคืนมา เพื่อพี่แกจะได้เอาไปบินเผาน้ำมันเล่นต่อไป เอดส์ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ พาคณะของตัวเองไปเที่ยวที่โน่นที่นี่ตามชอบใจ แต่ถ้าทวงเครื่องบินกลับมาให้พี่แกไม่ได้ ก็ไม่มีการรับประกันว่า จะถูกแปรสภาพเป็นปุ๋ยอินทรีย์หรือเปล่า ฉนั้น ขณะที่พวกขี้ข้าที่สถานทูต ต้องตามเช็ดขี้ให้เอดส์ พี่แกก็พาคณะไปเที่ยวที่แคว้นบาวาเรียตอนใต้สบายใจเฉิบ เอดส์ได้พา ภรรยา ตามข่าวเยอรมนี ไปเก็บสตรอเบอรี่ ตามข่าวของหนังสือพิมพ์ Merkur ผู้หญิงที่ไปเก็บสตรอเบอรี่ กับเอดส์ คือ ฮีรัด แต่ตามรูปของหนังสือพิมพ์ Wochenblatt ข้าพเจ้าดูยังไงๆ ก็ไม่ใช่ฮีรัด น่าจะเป็นหนุ่ยนุ้ยมากกว่า ใครรู้ว่าเป็นใครกันแน่ระหว่าง หนุ่ยนุ้ย หรือ ฮีรัด บอกข้าพเจ้าด้วย จะเป็นพระคุณอย่างสูง
เอาเป็นว่า ตามข่าว ภรรยา คนนี้ของเอดส์ นี่ดราม่าดัดจริตมาก เพราะจากคำบอกเล่าของ ผู้เห็นเหตุการณ์ เวลาคุณเธอเดินไปในไร่สตรอเบอรี่ แล้วเห็นผลไม้อะไรสวยๆ งามๆ เมื่อไหร่ ก็จะวี้ดว้ายกระตู้วู้ทำท่าดราม่าเอ๊กไซท์ดัดจริตดีดดิ้นจนเกินงาม ตลอดเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งของการเด็ดผลไม้ และแล้วก็มาถึงวีรกรรมงามหน้า คือการไปเยือนร้านอาหารสุดดัง แห่งย่านบาวาเรียตอนใต้ ของ นาย เกอ๊อก มายเออร์ แฮมเมอร์ ซึ่งมีฝีมือทำไส้กรอกเยอรมัน และเค้กหลายชนิดอร่อยเป็นที่เลื่องลือ ซึ่งคณะของเอดส์ มารถเบ๊นซ์ 10 กว่าคัน จำนวน 20-30 คน ซึ่งนายเกอ๊อกนี่ ก่อนที่เอดส์จะมา พวกเหล่าขี้ข้าของเอดส์ก็ได้มาตรวจสถานที่ และสั่งให้เตรียมตัวต้อนรับเอดส์อย่างเต็มที่ ต้องมีห้องน้ำสำหรับเอดส์โดยเฉพาะ และสำหรับผู้หญิงของเอดส์นั้น พวกขี้ข้าได้สั่งนายเกอ๊อกให้ไปขัดสีฉวีวรรณส้วม ลงน้ำยาให้สะอาดเอี่ยมอ่อง ห้ามมีละอองเยี่ยว หรือ ละอองขี้ ติดเด็ดขาด ซึ่งนายเกอ๊อก เห็นเป็นถึงเจ้าชาย มาก็ดีใจหาย เรียกพนักงานมาทำทูนหัวตามสั่งทุกอย่าง แน่นอนว่าต้องจ่ายพิเศษให้ทำความสะอาดให้เอี่ยมอ่อง ด้วยอัตราค่าจ้างแบบเยอรมัน ซึ่งค่าแรงก็รู้ๆ กันอยู่ว่าแพงขนหัวลุกนะยะ
แต่ คณะ เอดส์ ก็พ่นพิษให้นายเกอ๊อกไม่หยุด ทั้งๆ ที่ตอนแรก ตกลงกันดีแล้วว่า จะนั่งในร้าน มีการจัดโต๊ะอย่างหรูหราเตรียมต้อนรับอย่างดี ตั้งแต่คืนวันอาทิตย์แล้ว แต่แล้ว ตอนเช้าวันจันทร์ เอดส์ เห็นอากาศดี ก็เปลี่ยนใจ สั่งว่าอยากนั่งนอกร้าน ตอนไปกินอาหารกลางวัน นายเกอ๊อกก็ดีใจหาย รีบจัดที่ให้ใหม่ตรงบริเวณเทอเรซด้านนอกอย่างสวยงาม แต่แล้วอากาศก็เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนน้ำผลไม้ที่เอาไปวางข้างนอกร้อนเกินไป นายเกอ๊อกก็ดีใจหาย รีบทำน้ำผลไม้เหยือกใหม่ เพื่อต้อนรับ เพราะพวกขี้ข้าเอดส์ ย้ำนักหนาว่า “ทุกอย่าง ต้องเพอร์เฟ็ค” แน่นอนว่าการย้ายโต๊ะไปเทอเรซ ต้องจ้างสาวเสิร์ฟมาทำ จ่ายพิเศษ นายเกอ๊อก เตรียมทำเค้กและไส้กรอกเอาไว้ทุกชนิด แบบสุดฝีมือ เพราะเหล่าขี้ข้า ได้บอกนายเกอ๊อกว่า “ทำเอาไว้เยอะๆ เลย เรื่องเงินไม่มีปัญหา (ย้ำอีกครั้งว่าพวกขี้ข้า บอกนายเกอ๊อกว่า ‘เรื่องเงินไม่มีปัญหา’) อีกอย่าง ท่านเอดส์ เป็นเจ้าชาย ที่รสนิยมสูง ชอบกินไส้กรอกเยอรมันและเค้กอร่อยๆ”
นายเกอ๊อก คงจะเชื่อคำคนง่ายเกินไป ไม่รู้จักไปศึกษาประวัติครอบครัวลิเกว่าปล้นอำนาจมาทุกยุคทุกสมัย จะได้รู้ว่าไม่มีสัจจะในหมู่โจร ฉนั้น เมื่อคณะของเอดส์ มาถึงจริงๆ พอมาถึงก็พ่นพิษต่อ โดยไม่ต้องการนั่งข้างนอก จะนั่งข้างใน นายเกอ๊อกต้องรีบจัดโต๊ะให้ใหม่ (จริงๆ แล้ว ก็คือโต๊ะที่จัดไปแล้ว และรื้อไปแล้วน่ะแหละ) และพอนั่งเสร็จ คณะเอดส์ ได้ทำให้นายเกอ๊อก สุดช๊อกๆๆ เพราะสั่งน่าเกลียดมาก ทั้งคณะ 20-30 คน มานั่งกันหน้าสลอน สั่งแค่ไส้กรอก 4 ชิ้น กับกาแฟ 10 กว่าแก้ว และพอกินเสร็จก็สะบัดตูดกลับทันที
อันนี้ ขออธิบายหน่อยนะ เผื่อใครจะไม่เข้าใจ เวลาร้านอาหารฝรั่ง รับจองโต๊ะ โดยเฉพาะโต๊ะกลุ่มใหญ่ๆ ธรรมเนียมของฝรั่งคือ คุณต้องสั่งอาหารให้ครบคอร์ส อย่างน้อย ต้องสั่งซุป หรือของว่าง แล้วตามด้วยอาหารหลัก ไม่งั้นคุณก็จะโดนร้านอาหารเก็บค่าบริการอย่างต่ำ เรียกว่า Minimum Charge ซึ่งจะเป็นเงินประมาณของว่าง กับ อาหารหลัก ราคาปกติของร้าน บวกรวมกัน เพราะว่าร้านอาหารมีโต๊ะเก้าอี้จำกัด ถ้าคุณจองที่นั่งเขาไว้ เขาก็ไม่สามารถรับลูกค้าอื่นได้ คุณจะต้องสั่งอาหารตามธรรมเนียมเขา ถ้าไม่ยอมสั่งไปนั่งเฉยๆ ก็ต้องจ่ายมินิมัม ชาร์จ เพราะเขาเสียที่นั่งในร้านเก็บเอาไว้ให้คุณแล้ว
อนึ่ง การกินไส้กรอกเยอรมัน นั้น จะเปรียบเทียบไป ก็เหมือนคนจีน ไปกินหยำฉ่า หรือคนญี่ปุ่น ไปกิน ยากิโทริ น่ะแหละ เพราะแต่ละออร์เดอร์มันเล็กๆ ฉนั้น ไปกินหยำฉ่ากัน 4 คน ก็ต้องสั่งกันอย่างน้อย 16-20 อย่าง หรือไปกินยากิโทริกัน 4 คน ก็ต้องสั่งกันคนละเป็นสิบๆ ไม้ ซึ่งคนทั่วไปจะต้องรู้ธรรมเนียม เข้าไปถึงจะต้องสั่งไส้กรอกหลายๆ ชนิด มาเต็มโต๊ะ นี่เป็นถึงขนาดเจ้าชายมา เขาย่อมคาดหวังอยู่แล้วว่าจะต้องสั่งไส้กรอกของเขาหลายๆ ชนิดมาลองกิน ตามธรรมเนียม แล้วยิ่งไปบอกให้เขาจัดโต๊ะพิเศษ ไปเช็ดส้วมให้เอี่ยมอ่องห้ามมีละอองเยี่ยวติด เขายิ่งแน่ใจว่า จะต้องสั่งแบบ วี ไอ พี
ฉนั้น เมื่อเจอเข้าไปแบบนี้ คือสั่งแค่ไส้กรอก 4 ชิ้น กาแฟ 10 กว่าแก้ว แล้วสะบัดตูดกลับ นายเกอ๊อก ก็โกรธหน้าเขียว เรียกร้องให้เหล่าขี้ข้าจากสถานทูตทั้งหลาย จ่ายค่าเสียหาย มินิมัม ชาร์จ ให้เขา ให้สาสมกับการที่เขาต้องจ้างคนมาจัดโต๊ะ 3 ครั้ง ต้องเตรียมน้ำผลไม้ใหม่เพื่อต้อนรับ และทำเค้กและไส้กรอก เตรียมเอาไว้ทุกชนิด มาซะดีๆ ซึ่งคำตอบของเหล่าขี้ข้าตอแหลแลนด์ ก็ยิ่งทำให้เขากระอักเลือด ว่าทั้งเนื้อทั้งตัว มีอยู่ 200 ยูโรเท่านั้น (ค่าอาหาร 150 ยูโร) มีให้แค่นี้แหละ ไม่เอาก็อย่าเอา เสียใจด้วยนะ บ๊ายบาย แล้วก็สะบัดตูดตามเสด็จคณะเอดส์ รีบบึ่งกลับทันที
นายเกอ๊อก คงจะแค้นสุดๆ เรื่องจะไปฟ้องร้อง เอดส์ เอาค่าอาหาร ไม่ต้องหวังว่าจะทำได้ เพราะ เอดส์ เป็นลูกประมุขประเทศ ไม่มีใครสามารถฟ้องร้องได้ ฉนั้น อย่างมากก็แค่มาระบายความแค้น จากการขาดทุนย่อยยับในวันนั้น ให้หนังสือพิมพ์ออกข่าว และก็เป็นที่แน่นอนว่า นายเกอ๊อก หมดหวังที่จะมาเที่ยวตอแหลแลนด์ เพราะออกข่าวพูดแบบนี้มันทำให้เอดส์ ฟังดู ไม่ดี๊ไม่ดี ฉนั้น ถ้ามาเที่ยวตอแหลแลนด์ เครื่องบินลงสนามบินนรกภูมิเมื่อไหร่ ก็โดนล๊อคตัวเข้าไปอยู่ในซังเต 15 ปีได้เลย แต่ว่าข้าพเจ้าคิดว่านายเกอ๊อก เจอแบบนี้ คงเอาตอแหลแลนด์เข้าประเทศแบล๊กลิสต์ ไม่มีวันไปเหยียบเด็ดขาดตลอดชีวิต จริงๆ แล้วเรื่องราวของการที่ขี้ข้าของพวกครอบครัวลิเก ไปแผลงฤทธิ์ให้ร้านต่างๆ ทั่วตอแหลแลนด์ เตรียมต้อนรับแบบวีไอพี มีให้ฟังกันอยู่บ่อยๆ แต่ไม่มีสื่อตอแหลแลนด์ที่ไหนกล้าลงข่าว เพราะลงข่าวเมื่อไหร่เจ้าของร้านก็ไปเที่ยวฮ่องกรง 15 ปีได้เลย นายเกอ๊อก ก็คงพูดไม่ออก ได้แต่อึ้งๆๆ ขอแนะนำว่า ไปเผาพริกเผาเกลือแช่ง ละกัน นะจ๊ะ
ติดตามชม ลิเก สตอรี่ Episode 7 เร็วๆ นี้ นะฮ่ะ