สัมผัสแง่มุมน่ารักของแกนนำนปช.ใน "วันพ่อแห่งชาติ" เมื่อลูก "ณัฐวุฒิ" คิดว่าที่ทำงานคุณพ่อคือ "เรือนจำ"
วันที่ 06 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 12:00:29 น.
แกนนำพ่อลูกอ่อน ใน “วันชาติ” และ “วันพ่อแห่งชาติ”
แสงไฟอบอุ่นระยิบระยับ ริมถนนราชดำเนินพร้อมดอกไม้สดสวยเรียงรายประดับกับสายลมหนาว ในวาระ “5ธันวา” ซึ่งในอดีต นับแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นผู้นำรัฐบาล ได้กำหนดให้ วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็น “วันชาติ” เปลี่ยนแปลงจาก เดิมที่รัฐบาลพลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา กำหนดให้ “วันชาติ” ตรงกับวันที่ 24 มิถุนายน
ส่วน “วันพ่อแห่งชาติ” เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2523 ในยุคที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี “วันพ่อแห่งชาติ” จึงมีความหมายต่อประชาคนคนไทยในระดับชาติร่วมกัน เฉลิมฉลองถวายพระพรพ่อของแผ่นดิน และมีความหมายในระดับประชาชนบน คู่ความสัมพันธ์ของพ่อ-ลูก ระหว่างปัจเจกชนคนในครอบครัว
ความเป็นพ่อ ในระดับบุคคล ที่มนุษย์ทุกคนย่อมมีพ่อ ทั้งในทางกฎหมายและพ่อโดยสายเลือด ความเป็นพ่อ บอกถึงความสัมพันธ์กับคนรุ่นต่อไป ที่ ไม่สามารถ “ลาออก” จากความเป็นพ่อลูกกัน ได้ เสมือน “ตัวการ-ตัวแทน” ที่จะดำรงต่อไปในโลกที่ยังหมุน ต่อเนื่อง
“ประชาชาติธุรกิจ” สนทนากับ “แกนนำ (นปช.) พ่อลูกอ่อน” ที่มีชีวิตทางการเมือง เดินเข้า-ออก คุกตาราง ในระหว่างที่ลูกๆ ยังเล็ก กับภารกิจ “พ่อ”ของครอบครัว และแกนนำมวลชนรวมถึง ส.ส.ในรัฐสภา
“ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” เล่าถึง “ด.ช.นปก ใสยเกื้อ”ลูกชายวัย 3 ขวบ และ “ด.ญ.ชาดอาภรณ์ ใสยเกื้อ” ลูกสาววัยขวบครึ่ง ว่า ช่วงวันพ่อปีนี้ ตนและครอบครัว ก็ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา พาครอบครัวไปกินข้าวนอกบ้าน ซื้อของเล่น พาลูกออกกำลังกาย ส่วนปีที่แล้วตนเองยังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก็ได้แต่บอกแม่ของลูกๆ ให้ช่วยดูแลและบอกลูกว่าพ่อคิดถึงและรักพวกเขามาก ตอนนั้น “นปก” คิดว่าพ่อไปทำงานที่เรือนจำ แต่เขาไม่รู้ว่าคืออะไร
“นปก -ลูกชายคนโตเคยไปเยี่ยมผมที่เรือนจำและเยี่ยมที่ศาล ตอนนี้เขาก็ยังคิดว่าผมทำงานที่เรือนจำ ล่าสุด พาเขาไปเที่ยวเขาดิน พอนั่งรถผ่านรัฐสภา แม่เขาก็ชี้และบอกว่า พ่อทำงานที่นี่(รัฐสภา) ลูกชายคนโตก็ถามขึ้นว่า นี่เหรอเรือนจำ? ก็เลยต้องบอกเขาว่า ไม่ใช่.. พ่อไม่ได้ทำงานที่เรือนจำแล้ว คือเขายังคิดว่า พ่อทำงานที่เรือนจำ แต่ไม่รู้ว่าหมายความว่ายังไง”
ณัฐวุฒิ บอกว่า ลูกชายและลูกสาวของเขายังเล็กเกินกว่าที่จะเข้าใจความซับซ้อนของการเมือง แต่ลูกชายคนโต รู้จัก “คนเสื้อแดง” รู้ว่ามีการชุมนุมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่เขายังเล็กเกินไปที่จะพูดได้ว่า ประชาธิปไตยคืออะไร คงยังไม่ใช่เวลา แต่ก็ต้องค่อยๆบอก ค่อยๆ สอน อยากให้เขาเรียนรู้เรื่องการเมือง เรื่องประชาธิปไตยควบคู่กันด้วย เพราะชีวิตเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นชื่อของลูกและช่วงเวลาเติบโตของลูก ก็อยู่ในช่วงเวลาการต่อสู้อยู่แล้ว
ทางด้าน “ก่อแก้ว พิกุลทอง” อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.พ่อลูกอ่อน ถึงวันนี้ก็ยังเป็น ส.ส.พ่อลูกอ่อน เพราะภรรยาเพิ่งให้กำเนิด บุตรชาย ได้ 2 เดือน หลังจากปีที่แล้ว ก่อแก้ว ลงสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส. กทม.6 โดยมี “ด.ญ.กวิสรา พิกุลทอง หรือน้องมุข” ไปให้กำลังใจ ปรากฎเป็นภาพข่าวผู้ต้องขังชายได้อุ้มลูกน้อยในวันประกันตัวออกมาลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่สอบตกในคราวนั้น ต่อมาในปีนี้เขาได้เป็น ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อของพรรค ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 3 ก.ค. โดยอีก 3เดือนต่อมา ภรรยาให้กำเนิดบุตรคนล่าสุด “ด.ช.กวิน พิกุลทอง น้องกัท (Gut)”
ก่อแก้ว เล่าถึงน้องมุกลูกสาวคนโตว่า ตอนที่ตนเองออกจากคุก น้องมุขก็มีอายุ 1 ขวบกว่า ถึงตอนนี้ก็ 2 ขวบ วันพ่อปีนี้ ไม่ได้พาน้องมุขไปไหน เพราะครอบครัวมีสมาชิกใหม่ เป็นน้องชายของน้องมุข ชื่อน้องกัท (Gut) เพิ่งคลอดได้ 2 เดือน จึงใช้เวลาอยู่ที่บ้านกับน้องมุก คุณแม่(ภรรยา)และช่วยกันดูแลน้องกัท
“ปีที่แล้วผมยังอยู่ในเรือนจำ เวลาน้องมุข เห็นภาพข่าวที่มี ผมกับมุข ตอนเดินทางไปสมัครรับเลือกตั้งเขาก็จำรูปตัวเองได้ เขาชี้บอกว่า มุขกับคุณพ่อ เวลาภรรยาผมให้ดูรูปครอบครัว เขาก็จะบอกว่า มุกกับพ่อ มีแม่ด้วย เขาจะจำได้ ส่งเสียงดีใจ ตอนนี้ผมเป็น ส.ส. ทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร น้องมุกดูทีวีอยู่บ้าน เวลาแม่ชี้ให้ดูพ่ออภิปราย น้องมุก ก็จะเรียก คุณพ่อ คุณพ่อ ทุกเช้าก่อนผมไปรัฐสภาก็จะบอกน้องมุกว่าไปไหน เขาก็จะพูดตามว่า พ่อไปทำงานที่สภา แต่เขาไม่รู้ว่าสภาคืออะไร แล้วน้องมุกเขายังเล็ก ก็เลยยังไม่ได้ปลูกฝังเรื่องการเมือง ตอนนี้อยากให้เขาสนุกสนานเหมือนเด็กๆ ทั่วไป ก็เปิดการ์ตูน เปิดยูทูปว์ให้น้องมุกดู ซานตาคลอส สโนไวท์ แต่ผมบอกภรรยาเอาไว้ว่า ถ้าผมเป็นอะไรไป ก็ขอให้น้องมุขมาสืบสานสิ่งที่ผมทำต่อไป น้องมุข เขาแทนผมได้ เพราะเขาไม่ตื่นเวที ไม่ตื่นคน เขารู้จักคนเสื้อแดงแม้ตอนนี้จะยังไม่รู้ว่าหมายความว่าอย่างไร แต่เขาไปเวทีชุมนุมรุ้ว่ามีคนเสื้อแดง”
ก่อแก้ว เล่าถึงลูกชายคนล่าสุดว่า น้องกัท(Gut) แปลว่า กล้าหาญ มาจากชื่อพ่อและชื่อแม่ คือคำว่า “แก้ว” และ “รัตน์” เป็น “กัท” สอดคล้องกับทิศทางการต่อสู้ แล้วน้องกัท คลอดก่อนกำหนด 1 เดือน ก็บังเอิญวันเกิดของเขา คือ 5 ตุลาคม มาตรงกับ ครบรอบวันเกิดของ “อาตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ พอดี สงสัยจะมาแนวๆ เดียวกัน(หัวเราะ)
ขณะที่จตุพร พรหมพันธุ์ ผู้โดยเปิดเผยในการแจ้งบัญชีทรัพย์สินว่า มีบุตรต่างมารดา 3 คน ประกอบด้วย ด.ญ.พอเพียง พรหมพันธุ์ ด.ช.ปัณณพัฒน์ พรหมพันธุ์ และ ด.ญ. ศดายุ พรหมพันธุ์ เขาเล่าว่า ในวันพ่อก็ได้สื่อสารกับลูกๆ ถึงความรู้สึกระหว่างพ่อ-ลูก แต่เราเป็นพ่อเป็นลูกกันทุกวัน ไม่ว่าจะวันไหน ก็สอนลูกให้ใช้ชีวิตเรียบง่ายจึงไม่มีอะไรพิเศษ หลายปีที่ผ่านมาในช่วงอยู่ในเรือนจำ ลูกคนโตเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไร ส่วนลูกเล็กๆอีก 2 คน เขายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเขาเติบโตมา ก็จะรู้ว่า พ่อได้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ภาระบ้านเมืองในวันข้างหน้าจะเป็นของคนรุ่นเขา ที่ผ่านมาเป็นประวัติศาสตร์ที่เขาสามารถค้นหาได้ว่าคนรุ่นพ่อได้ต่อสู้อะไรไว้บ้าง แม้วิธีคิดแต่ละยุคสมัยอาจแตกต่างกัน แต่ที่สำคัญคือความเชื่อมั่นในประชาธิปไตย
สำหรับการตัดสินใจเปิดเผยรายชื่อบุตรทั้ง 3 คน อย่างเท่าเทียมกันในการแสดงบัญชีฯต่อ ป.ป.ช.นั้น จตุพร บอกว่า ตนเองมีหน้าที่ต้องแสดงต่อ ป.ป.ช.อยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่ได้กระทบกระเทือนต่อการทำหน้าที่ ส.ส. ในขณะที่นักการเมืองหลายคนปกปิด
“ความเป็นเราต้องบอกความจริงกับ ป.ป.ช.และบอกความจริงกับประชาชน เมื่อมีคนจำนวนมากไม่ได้ใช้วิธีนี้ ก็เป็นเรื่องของเขา แต่ลูกๆ เรามีความเกี่ยวข้องกับตัวเรา ที่เราต้องรับผิดชอบ มนุษย์ทุกคนเลือกเกิดไม่ได้ แต่เมื่อเกิดมาแล้ว ผู้ให้กำเนิดต้องรับผิดชอบ นำพาชีวิตเขาเดินต่อไปข้างหน้า” จตุพรกล่าว
เรื่องโดย--ฟ้ารุ่ง ศรีขาว ผู้สื่อข่าว นสพ.ประชาชาติธุรกิจ