*รบ ได้ตอบโต้กับสถานการณ์น้ำท่วมมานับเดือนแล้ว และสถานการณ์ยังไม่ยุติและกำลังพัฒนาไปสู่ช่วงท้ายของวิกฤติ (กรุงเทพ)
*การตั้ง Warroom ที่ทำเนียบ ต่อมาย้ายไปที่มหาดไทย และตอนนี้มาที่ดอนเมือง สะท้อนว่า สถานการณ์งวดเข้ามาทุกที น้ำถึงคอรัฐบาลแล้ว
*การตั้งศูนย์ตอบโต้ภัยพิบัติมาที่สูงและระบบความพร้อมอื่น ๆ อย่างดอนเมือง คือ การส่งสัญญาณและเลือกที่ตั้งสุดท้าย และไม่ยอมให้ค่ายแตก
*น้ำท่วมไทยครั้งนี้ เป็นครั้งประวัติการณ์ เพราะกินพื้นที่กว้างขวางและยาวนาน และมีพัฒนาการของสภาพปัญหาที่ไม่นิ่ง
*ผันน้ำลงทุ่งทำแก้มลิงเอาไม่อยู่แล้ว ขนาดน้ำเข้าเขตเทศบาล ก็ยังทะลักรอบนอก กทม แล้ว ศัทรูล้อมเมืองหลวงไว้หมดแล้ว
*ความวุ่นวายหลัก ๆ อยุ่ที่การช่วยเหลือด้านปัจจัย 4 ที่ไม่มีระบบหลัก เรียกว่า ใครออกสื่อ เขียนใน Twitter ได้ ก็จะพอมีความช่วยเหลือลงไป
*การบริหารจัดการของบริจาคยังคงเหมือนเดิมทุกครั้ง คือ กระจุก ไม่กระจาย และเกิดภาวะวุ่นวายอย่างหลัก
*ระบบการแพทย์ฉุกเฉินก็ยิ่งยากไปใหญ่ เพราะการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหนัก จากในพื้นที่น้ำท่วมยากลำบาก โดยปกติ รพ ก็ขาดเตียงอยู่แล้ว
*ไม่น่าเชื่อว่าในยามปกติ มีการวางแผนรับมือกันอย่างเป็นระบบ แต่พอเข้าจริง ๆ เละเป็นโจ๊ก เหมือนทุก ๆ ครั้ง
*ภัยพิบัติขนาดใหญ่ รัฐอย่ากอดไว้คนเดียว ถ้าประเมินว่าเอาไม่อยู่ ต้องส่งสัญญาณ และสร้างระบบเชื่อมโยงกับภาคประชาสังคม
*หลักการสำหรับคนในการตอบโต้ภัยพิบัติคือ มีระบบ แต่ต้องมีความยืดหยุ่นสูง แต่ถ้าไม่มีระบบเลย แย่แน่
*ข้อเสนอต่อการจัดการด้านปัจจัย 4 คือ สร้างกองบัญชาการส่วนหลัง(กทม) และ ส่วนหน้า(ทุกจังหวัดที่น้ำท่วม)
*กองบัญชาการส่วนหน้า(พื้นที่น้ำท่วม) ให้เชื่อมกับ อบต เทศบาล เป็นหลัก และให้ อบต เทศบาล เชื่อมกับหมุ่บ้าน
*ชุมชนที่โดนน้ำท่วมให้จัดตั้งกลุ่มช่วยเหลือกันเอง เช่นระบบครัวกลางและระบบบริหารจัดการของบริจาค เปลี่ยนผู้ประสบภัยเป็นอาสาสมัคร
*กองบัญชาการส่วนหลัง รับข้อมูลตรงจากส่วนหน้าเป็นหลัก อย่ารับสายมั่วทั้งประเทศ จะตกเป็นผู้ประสบภัยเสียเอง ระบบพัง
*รัฐบาลต้องส่งทรัพยากรให้ จว มีความพร้อมในการรับมือ ทั้งสิ่งของ รถ เรือ กำลังคน และช่วยเป็นตัวกลางในการระดมทรัยพยากรไปหนุน จว
*รัฐบาลต้องพยายามหนุนเสริมให้ จว รับมือให้ได้อย่างน้อย 80 % ที่เหลือ ค่อยมาตามเก็บกัน ยันให้อยุ่ หนุนให้แข็ง
*ให้เน้นเรื่องกระจายไปที่พื้นที่เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการหาน้ำ ข้าว อาสาสมัคร รถ เรือ ขาดแล้วค่อยหนุนลงไป
*อย่าติดกรอบเพียงแค่ทรัยากรของรัฐ เช่น รถบรรทุกทหาร กำลังพล ต้องเชื่อว่ามีของแบบนี้ที่ไม่ใช่รัฐ และเขาอยากช่วย ประเด็นคือ ตัวเชื่อม
*ผู้ว่าทุกจังหวัดที่โดนน้ำท่วม จะแทบไม่รอด เพราะโดนทั้งชาวบ้านร้องมา และ ยังมีนายจาก กทม โทรสั่งการตลอดเวลา ประกบบน-ล่าง เยิน
*ที่ระบบการจัดการของบริจาคไม่มีประสิทธิภาพ เพราะขาดการวางระบบแบบโครงสร้างการกระจายของ ซึ่งภาคประชาสังคมทำไม่ได้ เป็นหน้าที่รัฐ
*ผอ สภากาชาด หน่วยบรรเทาทุกข์ เห็นว่าไม่ควรแพ็คของที่กรุงเทพ ควรจัดขึ้นหกล้อส่งไปเลย แล้วค่อยไปแพ็คเอาข้างหน้า แต่ส่วนหน้าต้องมีระบบ
*การจัดทำระบบข้อมูลของบริจาคที่ส่วนกลางแบบละเอียดไม่ควรทำ เสียเวลา ควรบริหารข้อมูลแบบก้อนใหญ่ ๆ แค่จัดส่งไป จว ตามความต้องการ
*จว มีหน้าที่เช็คข้อมูลกับพื้นที่ของตน แล้วรายงานแบบคร่าว ๆ ไปส่วนกลาง จะได้ไม่เสียเวลาในการจัดทำข้อมูล
*การจัดส่งน้ำดื่ม ควรเช็ครายชื่อโรงผลิตน้ำในพื้นที่ ซึ่งมีอยู่จำนวนมากในแต่ละ จว และควรเน้นขนาด 5 ลิตร
*เสาร์นี้ ทีมตอบโต้ภัยพิบัติอย่างบูรณาการจะเปิดทำการที่สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารในประเทศหลังเก่า ชั้นสองจะเป็นกองบัญชาการ
*ควรใช้ช่อง NBT เป็นศูนย์กลางในการรายงานสถานการณ์น้ำท่วม และ จัดการศึกษาให้ประชาชน ในเรื่องการเตรียมตัวและการช่วยเหลือ
*รัฐบาลไม่ได้ทำงานช้า แต่ระบบที่ใช้ไม่สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง และขยายตัว ระบบบริหารการจัดการเป็นหัวใจ
*เงินที่บริจาคส่วนใหญ่เอาไปใช้ในการบริหารจัดการให้ความช่วยเหลือ ไม่ได้ให้เป็นตัวเงินกับชาวบ้าน
*ที่วุ่นอยู่ตอนนี้ ยังเป็นระยะการเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ ยังไม่เข้าสู่โหมดฟื้นฟู ซึ่งต้องใช้งบอีกมาก
*รัฐต้องทำหน้าที่ในกลไกหลัก คิดเรื่องใหญ่ ภาคประชาชนมีหน้าที่เก็บรายละเอียดทำงานชิ้นเล็ก ๆ ปลีกย่อย
*ทาง #thaiflood มีความเห็นว่า การเร่งระบายน้ำลงทะเล ควรเอาเรือไปผลักดันน้ำที่คลองย่อยที่จะลงทะเล ไม่ใช่ไปทำที่เจ้าพระยา
*และควรงดการสัญจรทางเรือในคลองแสนแสบ เพื่อเร่งส่งน้ำลงคลองให้มาก ปล มีผู้ใช้บริการเดินทางทางเรือ 3 หมื่นคนต่อวัน
*การระดมคนไปเร่งเก็บผักตบชวา ในคลอง เป็นสิ่งทีชุมชนทำได้เองเลย ไม่ต้องรอรัฐ เพียงแต่ส่งสัญญาณให้ชัด ชุมชนน่าจะพร้อม
*การบริหารงบภัยพิบัติ ควรดึงเงินไว้ส่วนหนึ่ง สำหรับการฟื้นฟู ไม่ควรเทหมดหน้าตักตอนลุยกับปัญหา
*สถานีโทรทัศน์ ควรระดมกำลังคนและของบริจาคไปรวมกันที่ดอนเมือง เพื่อให้การจัดส่งรวดเร็ว
ที่มา Twitter บก.ลายจุด http://www.twitter.com/nuling
7 ตค 54
"บก.ลายจุด-ชาย" คุยกันอีกรอบก่อนแดงชุมนุมใหญ่ 19 พ.ค.
เมื่อพื้นที่ "การเมือง" ทับซ้อน "เศรษฐกิจ"(มติชน)
วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เวลา 09:30:00 น.
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม รายการตอบโจทย์ ทางสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ที่มีนายภิญโญ ไตรสุริยธรรมา เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้เชิญนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด แกนนอนเสื้อแดง และนายชาย ศรีวิกรณ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจในย่านประสงค์ มาร่วมรายการ เพื่อพูดถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้น ในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ ซึ่งคนเสื้อแดงมีกำหนดการมาชุมนุมรำลึกครบรอบเหตุการณ์ 1 ปี การสลายการชุมนุมวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ณ สี่แยกราชประสงค์ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป
โดยนายชายได้พูดในฐานะของตัวแทนผู้ประกอบการย่านราชประสงค์
ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่และรายย่อยที่ต้องประสบปัญหาเดือดร้อนทางด้านเศรษฐกิจจากการชุมนุมของคนเสื้อแดง
นับตั้งแต่การชุมนุมอย่างยืดเยื้อซึ่งจบลงด้วยเหตุรุนแรงและเพลิงไหม้เมื่อปีที่แล้ว
มาจนถึงการชุมนุมบริเวณสี่แยกราชประสงค์ในทุกวันที่ 19 ของเดือน
ในอีกหลายเดือนต่อมาหลังจากนั้น
สำหรับการชุมนุมในวันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม 2554 นายชาย ได้ร้องขอให้แกนนำนปช.
ตัดสินใจไม่ปิดสี่แยกราชประสงค์ และขยับเวทีการชุมนุมให้อยู่ห่างจากสี่แยกประมาณ 10
เมตร เพื่อเป็นการเปิดช่องทางการจราจรบางส่วน ให้ผู้ประกอบการ พนักงานบริษัท
และผู้ที่ต้องติดต่อธุรกิจในย่านดังกล่าว สามารถสัญจรไปมาได้บ้าง
ขณะที่นายสมบัติพูดในฐานะตัวแทนของคนเสื้อแดงซึ่งต้องบาดเจ็บล้มตายและได้รับความสูญเสียจากการร่วมต่อสู้ทางการเมือง
โดยเขายืนยันว่า ณ
ปัจจุบัน
พื้นที่สาธารณะอย่างสี่แยกราชประสงค์ไม่ได้มีสถานะเป็นเพียงพื้นที่ทางการค้าอีกต่อไป
เพราะสำหรับคนเสื้อแดงแล้ว พื้นที่ดังกล่าว คือ พื้นที่ทางการเมือง
ที่เคยเป็นทุ่งสังหาร
ซึ่งทำให้พวกเขาต้องกลับมาเรียกร้องความเป็นธรรมอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
บก.ลายจุดเห็นว่า หลังจากที่กลุ่มผู้ประกอบการย่านราชประสงค์
ออกมาสะท้อนความเดือดร้อนของผู้ประกอบการอันเกิดจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อหลายเดือนก่อน
แกนนำนปช.ก็มีการปรับตัว โดยไม่ได้ไปนัดชุมนุมกันที่สี่แยกราชประสงค์ทุกวันที่ 19
ของเดือนอย่างแต่ก่อน แต่จะใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดรวมตัว
ก่อนจะเคลื่อนขบวนมายังบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแทน
สำหรับการชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันพฤหัสฯที่จะถึงนี้ แกนนอนเสื้อแดงระบุว่า
เขาเคยพยายามเสนอนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธานนปช.แล้วว่า
ถ้าคนเสื้อแดงไม่ปิดถนนได้จะเป็นการดีที่สุด แต่ต้องยอมรับว่า
คนเสื้อแดงอีกจำนวนหนึ่งก็ยังคุ้นชินกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองในรูปแบบเดิมอยู่
อย่างไรก็ตาม ตนเห็นด้วยกับข้อเสนอของนายชาย
ที่ร้องขอไม่ให้คนเสื้อแดงปิดสี่แยกราชประสงค์ เพื่อเปิดช่องทางการจราจรไว้บางส่วน
ซึ่งคงต้องให้แกนนำนปช.ตัดสินใจในประเด็นดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง
"เสวนาเปิดตัวเว็บไซต์และอี-ไลบรารี่"ศ.ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์และมูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์ "ความคิด ความรู้ และการต่อสู้ในโลกออนไลน์"
เสาร์ที่ 12มีนาคม 2554
เวลา 13.30-16.00น.
ห้องบุญชู โรจนเสถียร ชั้น 3 ตึกอเนกประสงค์ ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
เสวนา "ความคิด ความรู้และการต่อสู้ในโลกออนไลน์"
- สมบัติ บุญงามอนงค์ (บก.ลายจุด)ผู้ก่อตั้ง www.bannok.com
- อ.สาวตรี สุขศรี คณะนิติฯ มธ.
- อ.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ
- จีรนุช เปรมชัยพร ผู้จัดการหนังสือพิมพ์ประชาไทยออนไลน์
- อ.ปกป้อง จันวิทย์ เศรษฐศาสตร์ มธ.ดำเนินรายการ 16.00-16.15
อ.จอน อึ๊งภากรณ์ ผู้ก่อตั้งประชาไทยออนไลน์/ทายาท อ. ป๋วย กล่าวปิดงาน